กลอน 7 ของ กลอนสุภาพ

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 7 พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลาย[2] นอกนั้นก็แทรกอยู่ในกลอนบทละคร ไม่ค่อยมีใครใช้แต่งยาวๆ จนถึงสมัยกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ที่ท่านนำมาใช้ในพระนิพนธ์ ลิลิตสามกรุง

คณะ กลอนเจ็ด บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 7 คำ ตามผัง

O O O O O O OO O O O O O O
O O O O O O OO O O O O O O

สัมผัสนอก ให้มีสัมผัสระหว่างคำสุดท้ายวรรคหน้ากับคำที่สองของวรรคหลังของทุกบาท และให้มีสัมผัสระหว่างบาทคือคำสุดท้ายของวรรคที่สองสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สาม ส่วนสัมผัสระหว่างบท กำหนดให้คำสุดท้ายของบทแรก สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สองของบทถัดไป

สัมผัสใน ไม่บังคับ แต่หากจะให้กลอนสละสลวยควรมีสัมผัสระหว่างคำที่สองกับคำที่สาม หรือระหว่างคำที่สี่กับคำที่ห้าหรือคำที่หกของแต่ละวรรค

ตัวอย่างกลอน 7
เสตเตลงเกรงกริ่งนิ่งรำลึกคัดคึกข่าวทัพดูคับขัน
จักเตรียมค่ายใหญ่ก็ไม่ทันจำกั้นกีดขวางหนทางยุทธ์
ตั้งขัดตาทับรับไว้ก่อนเพื่อผ่อนเวลาให้ช้าสุด
จวนตัวกลัวว่าศัตราวุธหวิดหวุดหมดหวังในครั้งนี้
สามกรุง, กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์